Inner Speech

เปลี่ยน “เสียงในหัว”
เปิดประตูสู่การมีสุขภาพจิตที่ดี

เปลี่ยน “เสียงในหัว” ที่เราพูดกับตัวเองในใจ
ให้เป็นเชิงบวก เพื่อสะท้อนความคิด
เปิดประตูสู่การมีสุขภาพจิตที่ดี 

ใครมีเสียงในหัวบ้างคะ หลายคนอาจจะสงสัยใช่ไหมละคะว่าเสียงในหัวคืออะไร?เสียงในหัว เสียงที่เราพูดกับตัวเองในใจ ซึ่งออกมาจากความคิดของเราเอง อาจจะเป็นความคิดที่เราพูดกับตัวเองทั้งในแง่บวกและในแง่ลบ ซึ่งเป็นเสียงที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและเป็นเรื่องปกติที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเสียงในหัวของตัวเองนะคะ บางคนมีเสียงในหัวตลอดเวลา บางคนมีเสียงในหัวเป็นครั้งเป็นคราว และบางคนไม่มีเสียงในหัวเลย แต่สามารถคิดเป็นภาพหรือความรู้สึกได้ 

หากเรามี “เสียงในหัว” เราสามารถฝึกเสียงในหัวตัวเอง ให้พูดกับตัวเองในแง่บวกได้ เพื่อให้เสียงในหัวกลายเป็นเสียงที่ทรงพลัง ผลักดันชีวิตสะท้อนความคิดของเรา เป็นเสียงที่เตือนความทรงจำ ให้กำลังใจในวันที่จิตใจอ่อนล้า หรือนำพาให้เราก้าวผ่านอุปสรรคที่พบเจอในแต่ละวัน อาจเป็นเสียงที่คอยบอกตัวเองให้กล้าที่จะลองทำอะไรใหม่ๆ เพื่อปรับเปลี่ยนชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น เพราะทุกคนรู้ไหมว่าบางครั้งเสียงในหัวอาจจะเป็นเข็มทิศที่นำทางชีวิตของเราก็ได้ค่ะ

แล้วทุกคนรู้ไหมว่า การพูดกับตัวเองในแง่บวกยังช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นด้วย สามารถลดความเครียดและความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเราได้ รวมถึงการพูดกับตัวเองในแง่บวกสามารถเพิ่มความมั่นใจในตัวเองได้อีกด้วย วันนี้ Mental Life by Chanisara จะชวนทุกคนมาปรับความคิด เปลี่ยนเสียงในหัวให้เป็นเชิงบวก เพื่อเปิดประตูสู่การมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นกันค่ะ 

Inner Speech

“สมอง” สร้างเสียงในหัวของเราได้ยังไง 

เวลาเราพูดกับตัวเองในใจ สมองส่วนควบคุมการพูด จะทำงานเหมือนเวลาเราพูดเสียงออกมาจริงๆ สมองบริเวณ Broca’s area ในสมองกลีบหน้า จะคิดคำพูดเพื่อให้สมองจะเตรียมสั่งให้ปากพูด แต่มีระบบสั่งเบรกไว้ที่มีชื่อว่า Supplementary Motor Area และ Prefrontal Cortex ซึ่ง Prefrontal Cortex ทำหน้าที่ควบคุมลิ้นกับปากไม่ให้พูดออกมา จากนั้นสมองจะส่งข้อมูลไปยังส่วนที่เป็น temporal lobe เพื่อตีความเป็นเสียงในหัวที่เราพูดกับตัวเองนั่นเองค่ะ 

หากถามว่าทำไมเราได้ยินเสียงเหมือนคนพูดอยู่กับเราจริงๆ ทั้งที่อยู่ในความคิด เพราะสมองเราจะส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าที่มีชื่อว่า Corollary Discharge ว่าเสียงนี้เป็นเสียงในหัวของเราเอง และทำให้เสียงนั้นเบาลง แต่เรายังได้ยินชัดเจนอยู่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าทำไมเราถึงได้ยินเสียงตัวเองชัดเจน เพราะสมองของเรามีระบบเตือนว่านี่เป็นเสียงของเราเองนะ เราจึงรู้สึกว่าเราได้ยินเสียงนั้นจริงๆ 

เปลี่ยนเสียงในหัว เปลี่ยนความคิด เพื่อพัฒนาชีวิตตัวเอง

เสียงในหัว เป็นเสียงที่เกิดจากความคิดของเรา ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในแง่บวกและในแง่ลบ แต่เราสามารถฝึกคิดให้เสียงในหัวกลายเป็นเสียงที่คิดกับตัวเองในแง่บวกได้ ซึ่งจะทำให้เรามองโลกในแง่บวกมากขึ้น สามารถปรับเปลี่ยนความคิดและทัศนคติของตัวเองให้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นได้นั่นเองค่ะ

รวมถึงการที่เรามองโลกในแง่บวกจะทำให้เรามีทัศนคติที่ดี มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นและมีความนับถือตัวเองมากขึ้นอีกด้วย จากการวิจัยที่มีชื่อว่า Constructive self – talk supports academic engagement ของมหาวิทยาลัย University of Chicago ได้พบว่า การพูดกับตัวเองในแง่บวกจะทำให้ รู้สึกพึงพอใจในชีวิตตัวเองและมั่นใจในตัวเองมากขึ้น

นอกจากนี้ การคิดบวกยังส่งผลให้เรามีสุขภาพจิตที่ดี ลดความเครียดและความวิตกกังวลได้มากขึ้น เพราะการเปลี่ยนความคิดจะทำให้เรารับมือกับแรงกดดันได้ดีและแก้ปัญหาได้ดีมากขึ้นอีกด้วย และยังมีข้อมูลจากเว็บไซต์ Mayo Clinic ซึ่งเป็นโรงพยาบาลและศูนย์วิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา ได้ระบุว่าคนที่มองโลกในแง่บวกจะทำให้ความเครียดลดลง ความทุกข์หรือความเจ็บปวดน้อยลง และยังลดอัตราการเกิดโรคมะเร็ง รวมถึงยังทำให้อายุยืนยาวอีกด้วย จากข้อมูลข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า การมีเสียงในหัวในแง่บวก มีผลต่อการมีสุขภาพจิตที่ดี สุขภาพกายที่ดี และยังช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิต พัฒนาชีวิตของเราให้ดีขึ้นได้ค่ะ 

การมีเสียงในหัวในแง่ดีส่งผลต่อชีวิตอย่างไร

ช่วยในกระบวนการคิด การวางแผน 

การมีเสียงในหัวในเชิงบวก ทำให้เราสามารถวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน สามารถจัดระเบียบความคิด ส่งผลต่อการวางแผนเรื่องต่างๆ ในชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำให้รับมือกับปัญหาที่เข้ามาได้ดีขึ้น 

เมื่อเรามีปัญหาและมีความท้าทายที่เข้ามาในชีวิตประจำวัน หากเรามีเสียงในหัวในเชิงบวก ก็จะสามารถมองเห็นหนทางแก้ปัญหาและทำให้เราสามารถรับมือกับปัญหาต่างๆ ได้ดีขึ้น 

How to เปลี่ยน “เสียงในหัว” ในแง่บวก

1.ลองสังเกต ตัวเองว่าเป็นคนพูดกับตัวเองในเชิงบวกหรือเชิงลบ หากชอบพูดกับตัวเองในเชิงลบ ก็ลองหันมาพูดกับตัวเองในเชิงบวกมากขึ้น พยายามมองโลกในแง่ดีมากขึ้น เช่น แทนที่เราจะคิดว่าเราทำสิ่งนี้ไม่ได้หรอก ให้เปลี่ยนเป็น ฉันจะพยายามทำให้ได้และทำมันให้ดีที่สุด ฯลฯ

2.หากเรามีความคิดในด้านลบให้พูดว่า “หยุด” เพราะการพูดเช่นนั้นจะช่วยหยุดความคิดฟุ้งซ่านและช่วยให้สมองหยุดคิดซ้ำๆ ได้

3.ฝึกคิดบวกกับตัวเอง บอกตัวเองว่าไม่ว่าตัวเองจะเจออะไร เราก็จะผ่านไปได้

4.อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแต่คนคิดบวก อย่าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีคน toxic

 

“เสียงในหัว” ในแง่บวก เสียงที่สะท้อนความคิด ที่อยู่ภายในจิตใจของเรา ซึ่งส่งผลให้สุขภาพจิตดีขึ้น


Source

https://debuglies.com/2020/08/11/inner-speech-as-motor-imagery-of-speech/ 

https://www.verywellmind.com/how-to-use-positive-self-talk-for-stress-relief-3144816#:~:text=Thought 

https://www.journals.uchicago.edu/doi/10.1086/727006 

https://www.psychologicalscience.org/news/releases/internal-speech-is-driven-by-predictive-brain-signal.html#:~:text=Corollary%20discharge%20is%20a%20kind,cancels%20out%20the%20tickle%20sensation 

https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/stress-management/in-depth/positive-thinking/art-20043950#:~:text=Researchers%20continue%20to%20explore%20the,positive%20thinking%20may%20provide%20include 

https://www.verywellmind.com/does-everyone-have-an-inner-monologue-6831748

Related Articles

Overthinking

Overthinking คิดแบบโอเวอร์จนทำลายสุขภาพใจ

ปลดปล่อยตัวเองจากการคิดมาก ด้วยการมองโลกตามความเป็นจริง  ไหนใครเป็นมนุษย์ที่คิดมากบ้างคะ? เราเชื่อว่าหลายคนเป็นหนึ่งในนั้น เพราะในแต่ละวันเรามีเรื่องให้คิดและเรื่องที่จะต้องตัดสินใจเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องครอบครัว ความสัมพันธ์กับคนรัก หรือแม้แต่เรื่องที่เราต้องเผชิญอยู่ในชีวิตประจำวัน  หลายคนคงเคยได้ยินว่า เมื่อคนเราคิดมาก ก็ให้ปล่อยวางสิ เดี๋ยวเราก็จะรู้สึกดีขึ้น แต่ในความเป็นจริงนั้น “การปล่อยวาง” จากสิ่งที่เรากังวลหรือสิ่งที่เรากำลังคิดมากอยู่นั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากใช่ไหมล่ะคะ เราจึงต้องค่อยๆ ลองฝึกปล่อยวางและยอมรับความจริงค่ะ “การคิดมาก” เกิดขึ้นจากการที่เราคิดวนไปวนมาเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งในด้านลบซ้ำๆ

hug

“การกอด” การแสดงความรักที่เรียบง่าย ยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาร่างกาย

“การกอด” เป็นการแสดงความรักที่เรียบง่ายและแสนพิเศษ และยังเป็นยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาร่างกาย และฟื้นฟูจิตใจได้ ทุกคนคิดว่าการกอดสำคัญไหมคะ? การกอดเป็นการแสดงความรัก ให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน ทำให้ผู้กอดและผู้ถูกโอบกอดรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นใจ เหมือนมีแสงอุ่นๆออกจากตัวของคนคนหนึ่งส่งต่อไปเพื่อโอบกอดหัวใจของใครอีกคน  ทุกคนรู้ไหมว่าการกอด นอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพจิตสุขภาพใจแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพกายของเราด้วย การกอดจึงเปรียบเสมือนยาวิเศษ เป็นภาษากายที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังที่ทำให้ทุกคนที่ได้รับการโอบกอดรู้สึกดีและยังบรรเทาอาการเกิดโรคต่างๆ ทางร่างกายได้อีกด้วย  ทุกคนคงจะแปลกใจกันใช่ไหมคะว่าแค่กอดจะเยียวยาร่างกายและจิตใจของเราได้จริงๆ หรอ ไม่ว่าจะเป็นความเครียดหรือความวิตกกังวล แต่ที่น่าแปลกใจ คือมีงานวิจัยหลายชิ้น

ChatGPT

ChatGPT AI ที่ไม่มีความรู้สึก แต่ปลอบโยนมนุษย์ให้สบายใจได้

ChatGPT พื้นที่ระบายความในใจโดยไม่ตัดสิน ถึงแม้ไม่มีความรู้สึก  แต่โอบกอดหัวใจทำให้มนุษย์รู้สึกดีขึ้นได้ ในปี 2025 ที่ AI เข้ามามีบทบาทในยุคปัจจุบัน AI ที่ทุกคนรู้จักอย่างแพร่หลายอย่าง ChatGPT ไม่ได้เป็นเพียงปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยผู้คนหาคำตอบ แต่หลายคนใช้ ChatGPT เพื่อพูดคุยเยียวยาจิตใจ เพราะคุยและตอบคำถามได้ดี เหมือนเวลาเราไปปรึกษาใครสักคนจริงๆ ChatGPT จึงเป็นเพื่อนคุยที่สามารถทำให้เราลดความเครียด